ประโยชน์ของกาแฟ
กับ โรคเบาหวาน
ผลวิจัยเรื่องนี้เป็นผลงานของทีมนักวิจัยมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
ซึ่งตีพิมพ์ในวารสารโภชนาการทางการแพทย์ไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมามีรายละเอียดเกี่ยวกับ
โรคเบาหวานว่า ผู้ที่ดื่มกาแฟ (ชนิดที่มีคาแฟอิน) วันละ 4 แก้วหรือมากกว่านั้น มีความเสี่ยงที่ต่ำกว่าผู้ไม่ดื่มถึง 53 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งผู้วิจัยเชื่อว่า ในกาแฟมีสารต้านทานอนุมูลอิสระ
โดยกาแฟมีสารต่อต้านอนมุลอิสระ ชนิดเดียวกับที่มีใน องุ่น
และมีมากกว่าบลูเบอร์รี่อีก และคาดว่า ในกาแฟนั้นมีสาร
มีสารแมกนีเซียมช่วยให้เซลล์ร่างกาย อ่อนไหวต่อสารอินซูลิน
ทำให้ร่างการไม่ต้องผลิตสารตัวนี้ออกมามาก นกจากนี้ กาแฟยังมีส่วนลดการเกิด
โรคพาร์คิสัน นิ่วในถุงน้ำดี และมะเร็งในตับด้วย
นอกจากนี้ผู้วิจัย
ยังพูดถึง การดื่มกาแฟ วันละ 2-3 แก้วนั้น ไม่ป้นอันตราย แต่กลับเป้นประโยชน์
แต่ก็ไม่แนะนำให้ดื่มเพือป้องกันโรค
เพราะหากดื่มมากไปอาจเกิดภาวะไม่สบายหรือเป้นอันตรายจากการนอนไม่หลับหรือ
ปวกศรีษะได้ รวมถึงคุณแม่ที่คลอดบุตรไม่ควรดื่มกาแฟมากเพราะกาแฟอินจะผสมอยุ่ในนมมารดา
เดียวเด็กจะติดนมแม่
หมายเหตุ การดื่มกาแฟนั้นจะมีผมต่อระบบประสาท
ทำให้ร่างกายขับน้ำออกมาสังเกตได้บางท่านหลังจากดื่มกาแฟจะมีอาการอยากเข้า
ห้องน้ำทั้งหนักและเบา ซึ่งเมื่อร่างกายขับน้ำออกมา เซลล์ร่างกายจะเกิดการเหี่ยว ทางแก้คือดื่มน้ำตาม
คุณก็จะสดใสเหมือนเดิม และสดชืนด้วย
ประโยชน์ของกาแฟ
ต่อ โรคไมเกรน
กาแฟ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของตัวระงับความเจ็บปวด
โดยเฉพาะในการรักษาไมเกรน และยังสามารถกำจัดโรคหืดในผู้ป่วยบางคนได้ด้วย
คุณประโยชน์บางอย่างอาจส่งผลต่อเพศใดเพศหนึ่งเท่านั้น เช่น
มีการพิสูจน์ว่าช่วยลดการฆ่าตัวตายในผู้หญิง และช่วยป้องกันนิ่วและโรคถุง
น้ำดีในผู้ชาย นอกจากนี้ยังช่วยลดโอกาสเกิดโรคเบาหวานในทั้งสองเพศ
และลดเพียงประมาณ 30% ในผู้หญิง แต่ลดมากกว่า 50% ใน
ผู้ชาย และยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคตับ แข็งและป้องกันมะเร็งในปลายลำไส้ใหญ่และกระเพาะ
ปัสสาวะ กาแฟสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง ในเซลล์ตับ
และสุดท้ายกาแฟช่วยลดโอกาสเกิดโรค หัวใจ ถึงแม้จะยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า
เป็นเพราะมันกำจัดไขมันในเส้นเลือด
หรือเพราะว่ามันเป็นมีผลกระตุ้นกันแน่ยังมีข้อดีอื่น ๆ ที่เป็นเหตุผลให้คนส่วนใหญ่นิยมดื่มกาแฟ
เช่น มันช่วยเพิ่มความจำระยะสั้น (short term recall) และเพิ่มไอคิว
นอกจากนี้ยังช่วยเปลี่ยนระบบเมตาบอลิซึมให้มีสัดส่วนของลิพิดต่อคาร์โบไฮเดรตที่ถูกเผาผลาญสูงขึ้น
ซึ่งช่วยลดอาการล้ากล้ามเนื้อของนักกีฬาประโยชน์เหล่านี้บางอย่างจะได้ผล
เมื่อดื่มเพียงประมาณ 4 ถ้วยต่อวัน (24 ออนซ์) แต่บางอย่างก็ต้องดื่มถึง 6 ถ้วย
หรือมากกว่านั้น (32 ออนซ์หรือมากกว่า)
โทษที่ต้องระวัง
·
กาแฟต้มหรือที่ชงแบบให้น้ำเดือดซึมผ่านผงกาแฟ
หรือกาแฟที่ใช้ถุงผ้าชงนั่นเองจะเพิ่มอัตราเสี่ยงต่อโรคหัวใจ
·
กาแฟต้มอาจทำให้ระดับคอลเลสเตอรอลในเลือดสูงขึ้น
·
อาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะแบบไมเกรน
·
ผู้หญิงที่ดื่มกาแฟจัดอาจมีอัตราเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนเพิ่มขึ้นเมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น